สวธ. เผยเมนู 77 จังหวัด เชิดชูอาหารถิ่น ต่อยอดมรดกภูมิปัญญาอาหารไทย ยกระดับเป็นเมนูซอฟพาวเวอร์ เพิ่มรายได้ให้ท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ...
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ขับเคลื่อนกิจกรรมคัดเลือก “ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ” ภายใต้โครงการการส่งเสริม และพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “ รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste ” ผลักดันให้เป็นเมนูซอฟพาวเวอร์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้หนุนเศรษฐกิจของท้องถิ่น
วานนี้ (31 ส.ค. 66) นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า.. ล่าสุด กระทรวงวัฒนธรรม โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ขับเคลื่อนกิจกรรม “ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ” ภายใต้โครงการการส่งเสริม และพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “ รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste ” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. 2559 ด้วยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของอาหารไทย อาหารท้องถิ่น ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนไทย เป็นการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูล สารสนเทศ รวมทั้งสาระความรู้เกี่ยวข้อง ทั้งเป็นการต่อยอดสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณทางเลือกใช้บรรเทาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น ให้คงอยู่และส่งต่อเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น นำมาสร้างคุณค่าและมูลค่า รณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยได้ตระหนักเกิดความภาคภูมิใจกระตุ้นให้เกิดการยกระดับอาหารไทยพื้นถิ่น สู่อาหารจานเด็ดที่ต้องชิม ผลักดันให้เป็นเมนูซอฟพาวเวอร์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้หนุนเศรษฐกิจของท้องถิ่นและประเทศให้ยั่งยืนสืบไป
นายโกวิท กล่าวเพิ่มเติมว่า.. จากการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการเพื่อพิจารณาคัดเลือกกิจกรรม “ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ” ที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญจากหลายด้าน อาทิ ด้านมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ด้านวิจัยภูมิปัญญาและการพัฒนาชุมชน ด้านอาหารและโภชนาการ ด้านการสร้างโมเดลธุรกิจและการเติบโตการตลาดดิจิทัล ด้านเชฟชุมชนอาหารไทยและอาหารพื้นเมือง ได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกเมนูอาหารที่นายกเหล่ากาชาดจังหวัด สภาวัฒนธรรมจังหวัดและสำนักงานวัฒนธรรมทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร นำเสนอมาจังหวัดละ 3 เมนู รวมทั้งสิ้น 231 รายการ เพื่อให้กรรมการได้พิจารณาคัดเลือกให้เป็นเมนูตัวแทนจังหวัด รวม 77 เมนู
“ ซึ่งเมนูอาหาร 77 เมนู ที่ผ่านการคัดเลือกนี้ ถือเป็นเมนูที่เปี่ยมไปด้วยภูมิปัญญาด้านอาหาร มีสรรพคุณในทางยาสมุนไพร มีส่วนผสมหรือเครื่องปรุงที่ถูกหลักโภชนาการ ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นมรดกที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งยังเป็นอาหารที่มีความเสี่ยงใกล้จะสูญหาย ด้วยขั้นตอนกรรมวิธีการทำที่ยุ่งยากซับซ้อน อาจจะไม่เหมาะสำหรับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน จึงเป็นเมนูอาหารที่ทรงคุณค่าต่อการอนุรักษ์สืบสาน และส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดให้ได้รับความนิยมต่อไป ” นายโกวิท กล่าว
เมนูอาหารที่ได้รับการคัดเลือกเป็น “ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ” ทั้ง 77 เมนู จากแต่ละจังหวัดของประเทศไทย เรียงตามลำดับตัวอักษร มีดังนี้..
1. กรุงเทพมหานคร - ข้าวตอกตั้ง
2. กระบี่ - ปลาจุกเครื่อง
3. กาญจนบุรี - แกงส้มญวน
4. กาฬสินธุ์ - ข้าวแดะงา
5. กำแพงเพชร - แกงมัสมั่นกล้วยไข่
6. ขอนแก่น - ปลาแดกบองสมุนไพร
7. จันทบุรี - ลุกกะทิ หรือน้ำพริกกะทิซองพร้อมผักเคียง
8. ฉะเชิงเทรา - หมูหงส์
9. ชลบุรี - ปลาคก
10. ชัยนาท - ต้มปลาร้าหัวตาล
11. ชัยภูมิ - คั่วเนื้อคั่วปลา
12. ชุมพร - แกงส้มหยวกกล้วยกับหมูสามชั้น
13. เชียงราย - ยำไกน้ำของ (สาหร่ายน้ำโขง)
14. เชียงใหม่ - ตำจิ๊นแห้ง
15. ตรัง - โกยุก
16. ตราด - แกงเลียงกะแท่งหอยนางรม
17. ตาก - เมี่ยงจอมพล
18. นครนายก - น้ำพริกป่ามะดัน
19. นครปฐม - ยำส้มโอ
20. นครพนม - เมี่ยงตาสวด
21. นครราชสีมา - เมี่ยงคำ (โคราช)
22. นครศรีธรรมราช - ขนมปะดา
23. นครสวรรค์ - ทอดมันปลากราย
24. นนทบุรี - ข้าวตอกน้ำกะทิทุเรียนนนท์
25. นราธิวาส - อาเกาะ
26. น่าน - แกงแคไก่พื้นเมือง
27. บึงกาฬ - หมกหม้อปลาน้ำโขง
28. บุรีรัมย์ - ขนมตดหมา
29. ปทุมธานี - เมี่ยงคำบัวหลวง
30. ประจวบคีรีขันธ์ - แกงคั่วส้มหน่อธูปฤาษีกับปลาช่อนย่าง
31. ปราจีนบุรี - แกงกะทินางหวาน
32. ปัตตานี - ข้าวยำ
33. พระนครศรีอยุธยา - แกงเหงาหงอด
34. พังงา - อาจาดหู
35. พัทลุง - แกงขมิ้น
36. พิจิตร - ยำส้มโอกระทงทองสูตรเมืองชาละวัน
37. พิษณุโลก - น้ำพริกเม็ดบัวปลาย่าง
38. เพชรบุรี - แกงหัวตาล
39. เพชรบูรณ์ - ปิ้งไก่ข้าวเบือ
40. แพร่ - น้ำพริกน้ำย้อย
41. พะเยา - หลนปลาส้มพะเยา
42. ภูเก็ต - น้ำซุปเมืองหลาง 9 อย่าง
43. มหาสารคาม - แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง
44. มุกดาหาร - ตำเมี่ยงตะไคร้ ลำข่าสดใส่มดแดง
45. แม่ฮ่องสอน - ข้าวส้ม โกโก้
46. ยะลา - ข้าวยำโจร (ข้าวยำคลุกสมุนไพร)
47. ยโสธร - อั่วกบ (กบยัดไส้)
48. ร้อยเอ็ด - ข้าวปุ้นน้ำยาปลาหลด
49. ระนอง - ก๊กซิมบี้
50. ระยอง - แกงส้มผักกระชับ
51. ราชบุรี - แกงกะลากรุบ
52. ลพบุรี - ยำปลาส้มฟัก
53. ลำปาง - ยำปลาแห้ง
54. ลำพูน - แกงฮังเลลำไย อำเภอเมืองลำพูน
55. เลย - ส้าปลาน้ำโขง
56. ศรีสะเกษ - ละแวกะตาม
57. สกลนคร - แกงหวาย
58. สงขลา - ข้าวสตู
59. สตูล - ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ
60. สมุทรปราการ - ขนมย่างจากใจ
61. สมุทรสงคราม - แกงรัญจวน
62. สมุทรสาคร - ต้มยำปลาทูโบราณ
63. สระแก้ว - น้ำพริกกะสัง
64. สระบุรี - ลาบหัวปลี
65. สิงห์บุรี - แกงบวน
66. สุโขทัย - ข้าวเปิ๊บสุโขทัย
67. สุพรรณบุรี - ปลาหมำสมุนไพรทอดกรอบ
68. สุราษฎร์ธานี - แกงขมิ้นไตปลาโบราณ
69. สุรินทร์ - เบาะโดง (น้ำพริกมะพร้าวโบราณ)
70. หนองคาย - หลามปลาน้ำโขง
71. หนองบัวลำภู - เมี่ยงคำลำภู
72. อ่างทอง - ปลาแนม
73. อำนาจเจริญ - อู๋พุงปลา
74. อุดรธานี - ข้าวต้มมัดบัวแดง อำเภอเมืองอุดรธานี
75. อุทัยธานี - ต้มส้มปลาแรด
76. อุตรดิตถ์ - อั่วบักเผ็ด
77. อุบลราชธานี - ลาบหมาน้อย
หลังจากนั้น กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จะดำเนินการรวบรวมองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดพิมพ์หนังสือ “ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชู อาหารถิ่น ” เผยแพร่ต่อสาธารณะ และจัดทำโล่รางวัลเพื่อมอบให้แก่จังหวัด และ จัดทำเกียรติบัตร มอบให้แก่ผู้เสนอรายการ จากทุกจังหวัดที่เข้าร่วมกิจกรรม และจะมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการสรุปบทเรียนการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “ รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste ” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระหว่างวันที่ 20 - 22 กันยายน 2566 ณ โรงแรมเดอะพาลาสโซ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร โดยจะมีการจัดงานประกาศยกย่อง “ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ” สร้างการรับรู้ให้สังคมไทย ในวันที่ 21 กันยายน 2566 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจ เครือข่ายวัฒนธรรมจังหวัดต่าง ๆ สามารถตรวจสอบประกาศรายชื่อ เมนูอาหารทั้งหมด ได้ทาง www.culture.go.th และ เฟสบุ๊ก : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น